งานศิลปะถือว่าเป็นศาสตร์ที่มีความเป็นอิสระทางความคิดเยอะมาก เพราะมันไม่มีเงื่อนไขอะไรเลยนั่นทำให้งานศิลปะแตกแขนงแยกย่อยออกไปหลายอย่างมาก แต่เพื่อให้งานศิลปะถูกจัดหมวดหมู่อย่างถูกต้อง จึงต้องมีการกำหนดนิยามของศิลปะเอาไว้ด้วย ประเภทของศิลปะมีอะไรบ้าง
ทัศนศิลป์
สาขาแรกที่เราจะนึกถึงทันทีที่เราพูดถึงศิลปะ นั่นก็คือ ทัศนศิลป์ (Fine art) สำหรับงานศิลปะกลุ่มนี้หากจะอธิบายให้ง่ายก็คือ กลุ่มที่เป็นศิลปิน จิตรกรนั่นเอง โดยกลุ่มนี้ไม่ได้มีแต่เรื่องของการวาดภาพอย่างเดียว ยังพูดรวมถึงงานปั้น งานปะติมากรรม และงานศิลปะแนวอื่นที่แตกแยกย่อยลงไปอีก(เดี๋ยวขอกล่าวรายละเอียดด้านล่าง)
ดนตรี
ศิลปะไม่ได้มีแต่การวาดภาพอย่างเดียว ยังมีอีกศาสตร์หนึ่งที่ถูกนับว่าเป็นศิลปะเหมือนกันนั่นก็คือ ดนตรี คำว่าดนตรีนักวิชาการก็นับว่าเป็นศิลปะด้วย อย่างที่เรารู้กันดนตรีต้องใช้ความเป็นศาสตร์และศิลป์ผสมผสานกัน เพื่อจะเล่นดนตรี ฟังดนตรี ร้องเพลง หรือ แม้แต่แต่งเพลงด้วยกัน สำหรับแขนงของดนตรีจะแยกย่อยไปตามประเภทของแนวดนตรี ตั้งแต่ดนตรีท้องถิ่น ดนตรีไทย ดนตรีพื้นบ้านตามภาค ไปจนถึงกระแสดนตรีหลักอย่าง ดนตรีป็อป, ร็อค, โซล, อาร์แอนด์บี, ฮิปฮอป และอีกมากมายที่ย่อยลงไปตามแต่การผสมผสานกันของแต่ละคน
นาฏศิลป์
อีกหนึ่งกลุ่มศาสตร์ศิลปะที่ลืมไปไม่ได้เลย นั่นก็คือ นาฏศิลป์ ซึ่งหมายถึงการแสดงทั้งหมด หากเรายกตัวอย่างให้ง่าย ก็จะมี ร้อง เล่น เต้น รำ ระบำ ฟ้อน ฯลฯ โดยนาฏศิลป์ จะแบ่งแยกย่อยออกเป็นสองกลุ่ม หนึ่งกลุ่มตะวันตกเป็นนาฏศิลป์จากฝั่งยุโรป อเมริกา อย่าง บัลเลต์ เป็นต้น สองฝั่งตะวันออกก็จะมีของต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นของ จีน,ญี่ปุ่น จนถึงของในอาเซียนด้วยกันเอง สำหรับกลุ่มนาฏศิลป์ตะวันออกจะมีการแยกย่อยไปถึงเรื่องการแสดงนาฏศิลป์ระดับท้องถิ่น และระดับชาติของไทยเราเอง เรื่องนี้ของไทยเราเองก็มีความหลากหลายอย่างมาก ส่วนใหญ่นาฏศิลป์ไทยตามแต่ละภาคจะสอดคล้องกับวัฒนธรรมประจำภาคนั้นด้วย
รายละเอียดของ ทัศนศิลป์
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ถ้าจะพูดถึงศิลปะ ประเภทของงานศิลปะเราจะนึกถึงงานกลุ่มงานดังนี้ หนึ่งจิตรกรรม สำหรับศิลปะแขนงนี้เราจะหมายถึงงานภาพเขียนทั้งหมด ไม่ว่าจะเขียนด้วยวิธีไหนก็ตาม ตั้งแต่ภาพแรงเงาด้วยดินสอขาวดำ ภาพเหมือน ภาพล้อเลียน ภาพเสมือนจริง ภาพการ์ตูน ภาพลายไทย และอีกสารพัดเทคนิควิธีการวาดขึ้นอยู่กับความสามารถ การสร้างสรรค์ของผู้วาด รวมถึงการใช้สีด้วย ภาพวาดสีไม้ สีน้ำ สีโปสเตอร์ จนสีน้ำมัน หรือสีจากธรรมชาติก็มีด้วยเหมือนกัน
สองงานปั้น หรือเรียกชื่อเต็มว่า ประติมากรรมงานปั้น อันนี้ถ้าพื้นฐานก็แบ่งได้ตามหลักการที่เราเคยเรียนมาไม่ว่าจะเป็นงานปั้นนูนต่ำ นูนสูง งานลอยตัว หรือถ้าจะแบ่งตามวัตถุดิบที่ใช้ปั้นก็จะมีการใช้วัตถุดิบธรรมชาติอย่างดินเหนียว ดินน้ำมัน หรือจะใช้วัตถุสังเคราะห์อย่างแป้งโดว์ ก็ได้ด้วยแต่งานปั้นรวมถึงงานปั้นอย่างอื่นแบบถ้วยโถ โอชาม รูปปั้น ที่พัฒนาในยุคต่อมาด้วยก็นับว่าอยู่ในแขนงนี้ด้วยเหมือนกัน
สามงานสถาปัตยกรรม จากงั้นปั้น เราพัฒนาขึ้นมาให้ใหญ่ขึ้น หมายถึงการก่อสร้างอาคาร หรือ อะไรสักอย่างที่ใหญ่ขึ้นกว่าการปั้น งานสถาปัตยกรรมเราจะเห็นได้ทั่วไปตั้งแต่การสร้าง บ้าน วัดวาอาราม อาคารสำนักงาน อาคารสูง หรือ อาคารอื่นทั้งในไทยและต่างประเทศ ถือว่าเป็นศาสตร์ที่มีความยากมากเพราะว่าต้องใช้ทั้งความสวยงามผสมผสานกับหลักการทางวิศวกรรมเพื่อให้สร้างแล้วมั่นคงใช้งานได้จริง
ที่เล่ามาทั้งหมดก็จะเป็นการแบ่งประเภทของงานศิลปะตามที่เค้านับกัน ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการสร้างสรรค์ศิลปะแนวใหม่ออกมาเพื่อจัดหมวดหมู่ก็ได้ โดยเฉพาะสื่อศิลปะแนวคิดร่วมสมัยที่บางอย่างยังไม่สามารถจัดหมวดหมู่ได้เลย